"(ในผู้หญิง) ได้ด้วยการเดิน"
มองดูเผินๆอาจคิดว่า มะเร็งกับผู้หญิง ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกันได้ เพราะที่ผ่านมาเวลาพูดถึงมะเร็ง เรามักจะนึกถึงมะเร็งปอด มะเร็งตับ ที่ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะเป็นผู้ชายเป็นมากกว่าผู้หญิง เนื่องจากมะเร็งปอดและมะเร็งตับมักเกิดจากสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ที่สูบบุหรี่ ดื่มเหล้า มักเป็นผู้ชาย
“มีมะเร็งชนิดหนึ่ง
ที่เกิดกับผู้หญิงโดยเฉพาะและกำลังเป็นที่ฮือฮากันอยู่ในปัจจุบัน ได้แก่
มะเร็งรังไข่”
อาการของมะเร็งรังไข่
ได้แก่ ท้องโตขึ้น เนื่องจากทีก้อนหรือน้ำในท้อง
โดยที่ผู้ป่วยอาจคลำก้อนได้ หรือแพทย์เป็นผู้คลำได้ ส่วนน้ำในท้องมีตั้งแต่น้ำน้อยๆจนถึงมีน้ำมากเหมือนมีลูกแตงโมอยู่ในท้องที่ชาวบ้านเรียวว่า
“ท้องมาน”
ผู้ป่วยอาจมีอาการของระบบทางเดินอาหาร เช่น ท้องอืด ท้องเฟ้อ
รู้สึกว่าอาหารไม่ย่อย ท้องผูก อาการของระบบทางเดินปัสสาวะ เช่น ปัสสาวะบ่อย ขัด
เนื่องจากก้อนของรังไข่ไปกดเบียด ผู้ป่วยจะผอมลง เป็นอาการของมะเร็งทั่วไป
บางรายอาจมีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด
จะเห็นได้ว่าอาการของมะเร็งรังไข่ไม่จำเพาะเจาะจงชัดเจน ดังนั้นเพื่อให้ทราบว่าเป็นโรคโดยเร็วที่สุด
จึงควรหมั่นสังเกตอาการผิดปกติของตัวเอง
ถ้ามีอาการตามที่กล่าวมาข้างต้นให้ไปพบแพทย์ทันที
เพื่อความไม่ประมาท ถ้าตรวจไม่พบความผิดปกติก็ไม่เป็นไร
แต่ถ้ามีความผิดปกติก็จะได้ตรวจค้นต่อและรักษาแต่เนิ่นๆสำหรับสตรีที่อายุ 35 ปีขึ้นไป หรืออายุไม่ถึง 35
ปีแต่มีเพศสัมพันธ์แล้ว ควรตรวจภายในทุกปี แม้ไม่มีอาการผิดปกติ
ในกรณีที่มีประวัติญาติใกล้ชิด เช่น มารดา หรือพี่น้อง เป็นโรคมะเร็งรังไข่
หรือมะเร็งชนิดอื่นหรือตัวเองเป็นมะเร็ง เช่น มะเร็งลำไส้ มะเร็งเต้านม
จะต้องเฝ้าระวังเรื่องมะเร็งรังไข่ให้มากขึ้น
เนื่องจากพบว่าสาเหตุของมะเร็งรังไข่ส่วนหนึ่งมาจากพันธุกรรม
สาเหตุของมะเร็งรังไข่
สาเหตุที่ชัดเจนของมะเร็งรังไข่ยังไม่ทราบแน่ชัดแต่มีปัจจัยส่งเสริมคือ
-ผู้ที่อาศัยในประเทศที่มีความเจริญทางด้านอุตสาหกรรม
หรือประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งแวดล้อมด้วยสารเคมี หรือสิ่งปนเปื้อนที่เป็นอันตราย
-ปัจจัยทางด้านอาหาร
โดยเฉพาะการบริโภคไขมันสัตว์มากๆ
-ปัจจัยทางพันธุกรรมถ้าหากมีประวัติญาติในครอบครัวเป็นโรคมะเร็งรังไข่
มะเร็งเต้านมหรือมะเร็งลำไส้ใหญ่
-สารเคมี เช่น “แป้งเด็ก!” “มีผลการวิจัยจากฮาร์วาร์ด
ว่าการทาแป้งบริเวณจุดซ่อนเร้นเพื่อลดความอับชื้นเพียงสัปดาห์ละครั้ง
เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งรังไข่ถึง 36 เปอร์เซ็นต์
และจะเพิ่มสูงถึง 41 เปอร์เซ็นต์หากใช้ทุกวัน”
บทสรุปนี้ได้มาจากการที่คณะแพทย์ทำการทดลองกับผู้หญิงกว่า 3,000 คน โดยให้ทาแป้งบริเวณจุดซ่อนเร้นจากนั้นตรวจดูบริเวณรังไข่พบว่าเซลล์บริเวณนี้มีการขยายตัว
เป็นปฏิกิริยาคล้ายการเกิดเซลล์มะเร็ง ซึ่งสมมติฐานของเหตุการณ์นี้คือเกิดจากทัลค์
(talc)
หรือแร่ธาตุจำพวกซิลิเกตขนิดหนึ่งที่เป็นส่วนประกอบหลักของแป้งและเครื่องสำอางนั่นเอง
แม้จะไม่มีการยืนยันชัดเจนว่าผงแป้งเดินทางผ่านช่องคลอดไปถึงรังไข่ได้อย่างไร
แต่ข้อมูลจากผู้ป่วยมะเร็งรังไข่ที่ยืนยันว่าใช้แป้งทาเพื่อความสบายตัวทุกวัน
ก็ช่วยสนับสนุนผลการวิจัยนี้ได้อย่างดี
มะเร็งชนิดนี้ สามารถเกิดกับผู้หญิงได้ทุกวัย แม้แต่เด็กก็เป็นได้ แต่คุณผู้หญิงทั้งหลายไม่ต้องกังวลใจไปเพราะเราสามารถป้องกันมะเร็งรังไข่
ได้ง่ายๆด้วย
การเดิน”
การวิจัยโดยการนำผู้ป่วยมะเร็งรังไข่ จำนวน 442 คน และบุคคลที่มีสุขภาพดีจำนวน 2,135 คน
ตอบแบบสอบถามโดยแบ่งตามประเภทของกิจกรรมที่ทำยามว่าง 12
รายการ พบว่าผู้หญิงที่มีการออกกำลังกายปานกลาง เช่น การเดินเหยาะๆ เล่นกอล์ฟ
หรือโยนโบว์ลิ่ง ประมาณ 30-60 นาที ติดต่อกัน 5 ครั้งต่อ 1 สัปดาห์ ซึ่งมีอยู่ประมาณ 30% จากกลุ่มที่ตอบแบบสอบถามทั้งหมดมีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งรังไข่
น้อยกว่าผู้หญิงที่ไม่ชอบการออกกำลังกาย
นักวิจัยอาวุโสด้านวิทยาศาสตร์ Harward
Morisson ระบุว่าผู้หญิงที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอจะช่วยให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง
ซึ่งจะเป็นผลดีเพราะจะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งรังไข่โดยตรง
อ้างอิง:ภากร กัทชลี.25วิธีปฏิบัติการเพื่อสุขภาพวัยโจ๋:บริษัท รามาการพิมพ์ จำกัด 103 ซอยอ่อนนุช
แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ 110250
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น